How To

วิธีการลงประกาศงานให้น่าสนใจ เพื่อดึงดูดผู้สมัครงาน

[Read Me: อ่านก่อนโพสต์ประกาศหาคน]

เรามีคำแนะนำในการลงโพสต์ประกาศงานเพื่อให้ Job Post ของคุณน่าสนใจ ค้นหาเจอได้ง่าย และเพื่อให้ได้ผลตอบรับที่ดีที่สุดมาฝากกันค่ะ :)


1) การเขียน Company Profile

  • Company Name แนะนำเขียนเป็นภาษาอังกฤษ เพราะแสดงผลได้สวยงามกว่า
  • อัปโหลดรูปโลโก้ ขนาดสี่เหลี่ยมจัตุรัส (Square 1:1)
  • เขียน Tagline แนะนำบริษัทด้วยข้อความที่กระชับ โดยสอดแทรกการแนะนำจุดเด่นของบริษัทลงไป (ตัวอย่างการเขียน)


2) การเขียน Job Post

ระบุข้อมูลเกี่ยวกับงาน เพื่อให้คนค้นหาตามประเภทงานที่สนใจได้ง่าย

ตัวอย่าง

Job Title: ชื่อตำแหน่งงาน สำหรับแพลตฟอร์มของเรา แนะนำให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษ จะสวยงามน่าคลิกกว่าภาษาไทย

Job Location: กรอกชื่อจังหวัดที่ตั้งของบริษัท

งานนี้เน้นทำงานที่ออฟฟิศ หรือเป็นงานแบบ Remote มีสามตัวเลือกให้เลือกระบุ ได้แก่

  • Onsite only : เป็นงานที่ต้องการให้ทำที่ออฟฟิศเป็นหลัก (แม้มียกเว้นให้ทำที่บ้านได้ตามมาตรการรับมือ Covid-19) แต่หากงานนี้คาดหวังให้เข้าออฟฟิศเป็นหลักหลังผ่านสถานการณ์ไปแล้ว ให้เลือกข้อนี้
  • Remote OK: เป็นงานที่สามารถทำที่ออฟฟิศก็ได้ หรือทำที่ไหนก็ได้ อาจหมายถึง ยินดีพิจารณาผู้สมัครงาน ที่ไม่สะดวกย้ายถิ่นฐานมาทำงานที่ออฟฟิศ หรือเป็น Hybrid ที่ยังคงต้องการให้ Onsite บ้าง เช่น Onsite 3 วัน Remote 2 วันต่อสัปดาห์ (ให้ระบุเพิ่มเติมในช่อง Add Remote Requirement)
  • Remote only: เป็นงานที่ไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศเลย Remote 100% จริงๆ

หากเป็นสองประเภทแรก ให้ระบุจังหวัดของออฟฟิศของคุณด้วย แต่หากเป็นประเภทสุดท้าย จะระบุหรือไม่ระบุก็ได้

Job Type: งานนี้เป็นงานแบบไหน เช่น Full time / Part time / Contract / Freelance / Internship

Job Category: เลือกประเภท Job Functions ของงาน

ตัวอย่าง

  • Content เช่น งาน Content Marketing, Content Creator, Video Creator, Writer เป็นต้น
  • Project / Account Management เช่น AE หรือ Project Manager เป็นต้น
  • Sales / Business คือตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการขยายธุรกิจ เช่น Sales, BD, Partnership
  • Customer Services คือตำแหน่งดูแลลูกค้า เช่น แอดมินเพจ
  • Digital Marketing คือตำแหน่งด้าน Marketing แบบกว้างๆ ที่ต้องดูแลหลายด้าน ไม่เจาะจงสาขา
  • Others เลือกประเภทนี้ หากไม่มีตัวเลือกอื่นๆ ที่ใกล้เคียง


Job Secondary Category: เลือกเลเวลของงาน ว่าเป็น Entry-level, Associate, Mid-Senior หรือ Director / Executive ควรระบุสำหรับงานประเภท Full-time หากเป็นงานเช่น Freelance หรือ Internship ไม่จำเป็นต้องระบุ

Job Description: อธิบายรายละเอียดงาน สามารถใช้ภาษาไทยหรืออังกฤษหรือสองภาษาก็ได้

องค์ประกอบของ JD ที่เราแนะนำ ควรมี..

  1. Job Pitch: งานนี้น่าสนใจยังไง โดย เล่าความน่าสนใจของโอกาส หรือเล่า Impact ต่อบริษัท หรือ Impact ต่อสังคม
  2. Qualifications: คุณสมบัติของผู้สมัคร
  3. Job Description: เนื้องาน/ความรับผิดชอบ
  4. Additional Info: ข้อมูลอื่นๆ ที่ผู้สมัครควรทราบเกี่ยวกับงานนี้
  5. About Company: เล่าถึงบริษัทเพิ่มเติม เช่น ลักษณะธุรกิจ อุตสาหกรรม ภารกิจ วัฒนธรรมองค์กร เป็นต้น

ข้อมูลที่แนะนำให้ใส่เพิ่ม

ลักษณะธุรกิจ เช่น Digital Agency, Small / Startup, Enterprise


3) การรับผู้สมัคร

Accept Applications:

มีสองตัวเลือกให้เลือก ได้แก่

1) Directly (via form) หมายถึง การบริหารจัดการผู้สมัครผ่านแพลตฟอร์มนี้ โดยวิธีนี้คุณจะเห็นรายชื่อและข้อมูลของผู้สมัครได้ ภายใต้เมนู Applicants ในบัญชีที่คุณสร้างไว้ ส่วนผู้สมัครเองก็สามารถกดสมัครงานได้ง่ายๆ ในไม่กี่คลิก หากมีบัญชีกับเราเรียบร้อยแล้ว

คุณจะได้รับอีเมลแจ้งเตือนในรูปแบบ Digest ที่เป็นตัวเลขสะสม ภายในเวลา 48 ชั่วโมงหลังจากที่มีผู้สมัครคนแรกในรอบนั้นๆ สมัครเข้ามา เพื่อให้คุณได้อีเมลที่ไม่มากเกินไป


2) Through link: หมายถึงการใส่ Link เพื่อให้ผู้สมัครไปสมัครงานที่เว็บไซต์ภายนอก เมื่อคลิกสมัครงานแล้ว เขาจะถูกพาออกไปยังเว็บนั้นๆ


เมื่อกรอกข้อมูลทั้งหมดและ Submit แล้วคุณจะพบกับหน้านี้ – ความหมายคือ ข้อมูล Job Post นี้ได้ถูกส่งไปหาแอดมินแล้ว ซึ่งแอดมินจะใช้เวลาในการอนุมัติโพสต์ของคุณภายใน 1 วันทำการ ก็จะได้รับการแสดงผลยังหน้าเว็บและจดหมายข่าว แต่หากโพสต์ของคุณไม่ได้รับการอนุมัติ เราจะติดต่อกลับเพื่อแจ้งสาเหตุให้ทราบ


เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเรียบร้อย หากเลือกแบบ Directly คุณสามารถติดตามผู้สมัครได้ผ่านทางเมนู Applicants ซึ่งคุณจะสามารถดูข้อมูลผู้สมัครได้

และหากคุณต้องการเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อมูล Jobs หรือต้องการปิดรับผู้สมัคร สามารถแก้ไขได้ที่เมนู Jobs